ไทยพบแร่ลิเทียม 6 หุ้นโอกาสได้ประโยชน์
ส่วนประเด็นนี้ถือเป็นความรู้สึกเชิงบวกต่อกลุ่มบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารวมถึงผู้ประกอบการที่ดำเนินงานในภาคแบตเตอรี่ ทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ครอบครองแร่ธาตุลิเธียม จึงช่วยเพิ่มและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ในประเทศไทย
ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจแบตเตอรี่ที่ฝ่ายวิจัยศึกษา ได้แก่
GPSC + ปตท : ปัจจุบันมีโรงงานต้นแบบแบตเตอรี่ขนาด 30 MWh ในประเทศไทยซึ่งใช้เป็นโรงงานต้นแบบ ศึกษาและเตรียมความพร้อมรองรับการเติบโตของภาคยานยนต์ไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ การลงทุนในต่างประเทศผ่านการถือหุ้นผ่านบริษัท AXXIVA และ NV GOCTION ซึ่งดำเนินกิจการโรงงานแบตเตอรี่ในจีน ขนาดกำลังการผลิต 1,000 MWh ในแต่ละแห่ง เพื่อส่งมอบสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในต่างประเทศ
EA : มีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในไต้หวัน กำลังการผลิต 400 MWh และโรงงานแบตเตอรี่ในประเทศไทย กำลังการผลิตเพิ่มเติม 1,000 MWh ปัจจุบันโรงงานผลิตแบตเตอรี่ มีเป้าหมายเพื่อผลิตแบตเตอรี่เพื่อขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้าในบริษัทของตนเองในอนาคตอันใกล้นี้มีแผนขยายกำลังการผลิตเป็น 2,000 – 4,000 เมกะวัตต์ชั่วโมง
BANPU + BPP : ลงทุนในบริษัท Dura Power ประเทศจีน ซึ่งมีโรงงานรองรับการผลิตแบตเตอรี่ขนาด 1,000 MWh สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงาน พลังงานในต่างประเทศในขณะที่การพัฒนาในประเทศไทย ร่วมกับบริษัทเชิดชัยมอเตอร์เซลส์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถโดยสารรายใหญ่ในประเทศ สร้างโรงงานประกอบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีกำลังการผลิต 200 MWh ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2567 เพื่อรองรับรถโดยสารไฟฟ้าแบตเตอรี่ (E-Bus) ของกลุ่มบริษัทเป็นหลักจาก กลุ่มเชิดชัย
BCPG : ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกันในภาคส่วนแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนกับ Ampace ประเทศจีน สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสองและสามล้อ แบตเตอรี่สำหรับติดตั้งในภาคครัวเรือน ในภาคอุตสาหกรรม
ในการประมาณการ ปัจจุบันภาคแบตเตอรี่ยังไม่มีส่วนช่วยสร้างผลกำไรให้กับผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์มากนัก ดังนั้นจึงอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง แต่นี่ถือเป็นแนวโน้มเชิงบวกในระยะยาว และถือว่ามีส่วนทำให้กระแสรถยนต์ไฟฟ้ามีความน่าสนใจ และคาดว่าจะมีส่วนทำให้ราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมดังกล่าวขึ้นได้ในระดับหนึ่ง